4 ขั้นตอนวางแผนออมเงินให้ลูก
เป้าหมายใหญ่ เริ่มจากแผนที่ชัดเจน

✅ 1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
“อยากให้ลูกมีเงินเก็บไว้ทำอะไร?”
🎯 เช่น:
ออมเพื่อการศึกษา
ออมเป็นทุนตั้งต้นชีวิต (ซื้อบ้าน เรียนต่อ เปิดธุรกิจ)
ออมเพื่อเป็นของขวัญเมื่อถึงวัยบรรลุนิติภาวะ
🔍 ต้องรู้ว่า…
ต้องการเงินก้อนเท่าไร?
ภายในกี่ปี?

✅ 2. ประเมินจำนวนเงินที่ต้องออม
ใช้หลัก “ย้อนกลับจากเป้าหมาย”
📘 ตัวอย่าง:
อยากให้ลูกมีเงิน 1 ล้านบาท ตอนอายุ 20 ปี
หากลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี
จะต้องออมเดือนละประมาณ 2,300 บาท เริ่มตั้งแต่ลูกเกิด🔁 ยิ่งเริ่มช้า → ยิ่งต้องออมเยอะขึ้น
เช่น เริ่มตอนลูกอายุ 10 ขวบ ต้องออมเดือนละ 6,200 บาท แทน

✅ 3. เลือกเครื่องมือออมเงินให้เหมาะ
ไม่ใช่แค่ “ฝากธนาคาร” อย่างเดียว
🔧 ตัวเลือกยอดนิยม:
กองทุนรวม (เช่น RMF/SSF สำหรับอนาคต)
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ หรือควบการลงทุน (Unit Linked)
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเด็ก หรือแผนออมเงินระยะยาว
หุ้น / พันธบัตร / ทองคำ (สำหรับผู้มีความรู้และรับความเสี่ยงได้)
📌 ควรเลือกแบบที่:
เติบโตได้ในระยะยาว
มีวินัยลงทุนสม่ำเสมอ
ปรับแผนได้ตามช่วงอายุลูก

✅ 4. ป้องกันความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดฝัน
ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันกับพ่อแม่ เงินออมจะเดินต่อได้ไหม?
💡 แนะนำ:
ทำประกันชีวิตให้พ่อแม่ → ให้แผนออมเงินไม่สะดุด
ใช้ประกันที่ “การันตีทุนการศึกษา” หากพ่อแม่เสียชีวิต
วางแผนผู้รับผลประโยชน์ให้ชัดเจน

🧠 สรุป:
“ลูกเก่งแค่ไหนก็ไม่มีค่า ถ้าไม่มีต้นทุนเริ่มต้นชีวิต”
การออมเงินให้ลูกวันนี้ คือการให้ “โอกาส” ที่ดีที่สุดในอนาคต